เจ้าหน้าที่ตำรวจ วิสามัญคนร้ายข่มขืนเด็ก 2 คดี เสียชีวิตคารถ หลังยิงสู้กลางปั๊มน้ำมันในจังหวัดอยุธยา เผยถูกยิงไปกว่า 20 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุเจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายข่มขืนเด็ก ในปั๊มแห่งหนึ่งริมถนนทางหลวง หมายเลข 340 หมู่ 5 ต.สามเมือง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ Honda Jazz สีดำ
จอดรถภายในปั๊ม หน้าห้องน้ำ ภายในพบศพชายอายุ 39 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี สวมเสื้อสีขาวคอกลมกางเกงยีนส์ ลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณเกียร์รถ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปในที่เกิดเหตุ และใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงในการเก็บพยานหลักฐาน ภายในรถเก๋งของผู้เสียชีวิต บริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ เก็บปลอกกระสุน หัวกระสุนตามจุดต่างๆ รวมได้ประมาณ 30 นัด ตามร่างกายผู้เสียชีวิต ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกว่า 20 นัด
ตรวจสอบพบว่าผู้ตายมีหมายจับ 2 หมาย ใน คดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลหรือละเอียดเพิ่มเติม
ขณะที่พยานในที่เกิดเหตุเล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น.ได้มีรถยนต์เก๋งของผู้เสียชีวิตมาจอดอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำภายในปั๊มจากนั้นประมาณ 15 นาที มีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คันเข้ามาจอดโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจลงจากรถ คนที่อยู่ในรถเก๋งก็ยิงปืนออกมา 1 นัด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงสวนเข้าไปภายในรถ และมีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จนมาทราบว่าคนในรถนั้นถูกยิงเสียชีวิตแล้ว
ยิงหัวน๊อต ลูกแก้ว ใส่ขบวนรถไฟฟ้าซ่อมบำรุง สายสีแดง “ตำรวจรถไฟ” คาดผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง เร่งตรวจกล้องวงจรปิด ล่าตัวมือมืด
วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 จากการเปิดเผยของ พล.ต.ต อำนาจ ไตรพจน์ ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ (ผบก. รฟ. ) กรณี นายสรัล กุณะ เป็นผู้ขับรถ IMV(รถซ่อมบำรุง ) รถไฟฟ้าสายสีแดง วิ่งระหว่างบางซื่อ-รังสิต เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ภายหลังได้รับบาดเจ็บจากการโดนเศษกระจกซึ่งถูก กลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อ ใช้อุปกรณ์ หนังสติ๊กยิงหัวน๊อต-ลูกแก้ว ยิงเข้าใส่ขบวนรถไฟ โดยพนักงานคนดังกล่าวคาดว่ายิงเข้ามาประมาณ 3 นัด
โดย เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา เวลา14.57น. ของวันที่ 12 ก.ค.65 ช่วงขับรถกลับไปที่ สถานีดอนเมือง ก่อนถึง สะพานกลับรถซอยวิภาวดีรังสิต 33 คนร้าย คาดว่าเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดเลียบทางรถไฟก่อนจะลงมือก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหัวน๊อต-ลูกแก้ว ที่ยิงเข้ามาได้โดนประตูทางเข้าห้องควบคุมรถ โดนตัวรถไฟ กระจกด้านหลังตำแหน่งคนขับ และอีกหลายตำแหน่งแตกเสียหาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่โดนเศษกระจกตำด้วย
ทั้งนี้ เบื้องต้นหลังทราบเรื่องซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของรถไฟ พล.ต.ต อำนาจ ผบก. รฟ. กล่าวว่าได้มีการให้ฝ่ายสืบสวนรถไฟลงพื้นที่ตรวจสอบและคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีความคึกคะนองสร้างเหตุการณ์ที่อยู่ในพื้นที่
สุดหดหู่ เปิดสาเหตุ หนุ่มเร่ร่อน เตะยายวัย 76 หมดสติล้มคาซอย
ไอ้บิ๊ก หนุ่มเร่ร่อน เตะยายวัย 76 ปี เพจสายไหมตต้องรอด เอาคลิปหลักฐานโพสต์แฉพฤติกรรมสุดทน ชาวบ้านเล่า สติไม่ดี คล้ายคนเมายา ล่าสุด ตำรวจหิ้วตัวดำเนินคดีแล้ว
จากกรณีที่เฟบุ๊แฟนเพจ สายไหมต้องรอด ออกมาโพสต์คลิป เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ คุณยายวัย 76 ปี ท่านหนึ่งซึ่งเคราะห์ร้ายถูกคนร้าย เป็นชายวัยกลางคน สติไม่ดี อาการคล้ายเมายาเสพติด ทำร้ายขณะเดินสวนกันบริเวณ ซอยพหลโยธิน 50 เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยภายหลัง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พานางธนพร อายุ 54 ปี ลูกสาวของผู้เสียหาย เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ก่อเหตุที่สน.บางเขน
โดยความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มีรายงานว่า หนุ่มเร่ร่อนที่ก่อเหตุทำร้ายคุณยายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทราบชื่อ นายพงษ์สันต์ หรือบิ๊ก อายุ 28 ปี เป็นบุคคลเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ขณะสอบปากคำ นายบิ๊ก ผู้ก่อเหตุมี พูดจาวกวน คล้ายคนเมา โดยตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจสหาสารเสพติด และได้ส่งคุมตัวไปฝากขังยังศาลอาญารัชดาแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาเมาสุราก่อความเดือดร้อนรำคาญไว้ก่อน โดยจากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายบิ๊กได้ดื่มเหล้า 40 ดีกรี ไป 1 กั๊ก แล้วเดินสวนกับยายซึ่งหน้าตาคล้ายคนที่เคยด่าทอ ต่อว่าตนเอง ทำนองไม่ยอททำงาน ทำมาหากิน จึงเดินไปหา เพื่อขอเงิน แต่ยายไม่ให้เลยก่อเหตุ แต่จำไม่ได้ว่าเตะไปกี่ครั้ง
ด้านนายเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหายระบุว่าหลังจากได้รับการช่วยเหลือรู้สึกดีใจมาก ส่วนตนเข้ารับ การบำบัดในศูนย์บำบัดเป็นเวลา 9 เดือน ก่อนเข้าได้รับการเอกซเรย์ปอดเพียงอย่างเดียวไม่มีการตรวจเลือดหาสารเสพติดแต่อย่างใดตามขั้นตอน ส่วนการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เหมือนติดคุก ได้ทานข้าววันละ 1 มื้อ ต้องตื่นนอนตั้งแต่ 3.00 น. เพื่อทำวัตรสวดมนต์ แต่หากเสียงสวดมนต์ดังไม่พอไม่ถูกใจเจ้าหน้าที่ วันนั้นจะถูกลงโทษไม่ให้รับประทานอาหารเช้า ซึ่งส่วนใหญ่ตลอด เวลาที่เข้ารับการบำบัดได้รับประทานอาหารเพียงวันละ 1 มื้อ ทั้งที่พ่อแม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป