นายอำเภอสมุยออกมาเปิดเผยความคืบหน้ากรณี นักท่องเที่ยวอิสราเอล ที่หลบหนีการกักตัว ว่าผลตรวจโควิดรอบที่สามออกมาเป็นลบ นาย ธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย เปิดเผยเมื่อช่วงเวลาประมาณ 2300 น. ของวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านถึงกรณีผลตรวจโควิดรอบที่สามของ ชาวอิสราเอลวัย 29 ปีที่หลบหนีออกจากโรงแรม และเดินทางไปหลายจังหวัด จนสร้างควุ่นวายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวานนี้
โดยผลตรวจโควิดล่าสุดพบว่าออกมาเป็นลบ ไม่พบเชื้อจากการตรวจ ซึ่งแปลว่าผู้ป่วยไม่ได้อยู่ในระยะการที่แพร่เชื้อ จึงไม่น่าจะมีการระบาดในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย
แต่ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลต้องทำการกักตัวไว้จนครบ 10 วัน ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางการดูแลของทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะมีกำหนดครบกักตัวในวันที่ 26 ธ.ค.
ทั้งนี้ในส่วนการดำเนินคดี เมื่อหลังครบกำหนดการกักตัวแล้วทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการดำเนิดการแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้เดินทางเข้าด้วยระบบ Test&Go และหายตัวไปในวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับเขามาถึง จากการตรวจสอบพบว่า
เรียกรถแท็กซี่โดยสารจากโรงแรม ย่านสุขุมวิท ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยทางโรงแรมได้มีการขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง และเอกสารการตรวจโควิด แต่หนุ่มอิสราเอลรายนี้ ไม่ยอมแสดงเอกสารการเดินทาง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของโรงแรม จึงได้ปฏิเสธการให้เข้าพัก ทำให้ผู้ติดเชื้อรายนี้ ยังคงท่องเที่ยวอยู่ในเมืองพัทยา จนกระทั่งถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2564 จากนั้นจึงได้เดินทางกลับเข้ามาที่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ชายคนดังกล่าวได้ ได้เช่ารถตู้โตโยต้า ยี่ห้ออัลพาร์ด สีดำ เดินทางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบเบาะแสอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปรากฎภาพของชายคนดังกล่าว ก่อนที่ที่จังหวัดชุมพร ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันด้วยว่าผลตรวจโควิดที่ออกมาเป็นโควิดเดลต้าไม่ใช่โอมิครอนแต่อย่างใด
ราชกิจจาฯ ประกาศ ระงับ Test&Go 14 วัน สกัดโอมิครอน
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเกี่ยวการระงับ Test&Go เป็นระยะเวลา 14 วัน จนถึง 4 มกราคม เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโอมิครอน
เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา ได้ออกมาเผยแพร่ประกาศซึ่งเป็นคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 25/2564 ว่าด้วยเรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 20)
โดยมีใจความว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ.2564 ให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2564 จนถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2565 โดยนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 40) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2564 กำหนดประเภทของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาดและสอดรับนโยบายการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลและออกคำสั่งเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่นำไปดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัดนั้น
บัดนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่สามารถแพร่กระจายและมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เพื่อให้การดำเนินการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีคำสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ระงับการรับลงทะเบียนการเดินทางเข้าราชอาณาจักรของผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (1) และ (2) ของข้อ 1 ของคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 24/2564 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2564 เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2564 จนถึง วันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2565 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ยกเว้นกรณีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตประเภท (2) ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวที่มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการบริหารจัดการป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างเคร่งครัดและเหมาะสมกับสถานการณ์
ข้อ 2 ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด ดังนี้
2.1 เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท (1) และ (2) ที่ได้ลงทะเบียนและได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าราชอาณาจักรแล้ว และได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2564 แล้ว ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตามคำสั่งของ ศบค. (ฉบับที่ 19) ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2564
Credit : joseluisgalar.com aquimontserrat.com vawa4all.org altamiraweb.info